**แจ้งตรงนี้ก่อนว่าเนื้อหาอาจมีการสปอยล์หนั
ใครที่ยังไม่ดูและคิดจะดูแบ
.
.
.
.
.
จากที่ก่อนหน้านี้ ผมเองได้โพสลงเฟสบุ๊คส่วนตัวไปบ้างแล้ว แต่รู้สึกว่ายังลงภาพได้ไม่หนำใจ
คราวนี้ก็เลยขอมาลงลึกแบบละเอียดขึ้น เห็นภาพชัดขึ้นกันในนี้อีกทีเป็นครั้งสุดท้ายละกันนะครับผม แฮ่..
ก็จะมาพูดถึงการทำง
โดยโปรเจคนี้ตอนที่ผมได้มาทีแรกย
และก็เริ่มมาจากการที่พี่ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ได้โทรมาหาผมในวันหนึ่ง แล้วก็บอกว่ามีงานลงสีอยากใ
ซึ่งตอนนั้นพี่เอกสิทธิ์ยังไม่ส่งภาพร่างมาให้ แต่บอกเกริ่นแล้วว่าคนในภาพที่จะวาดคือ เฌอปราง จาก BNK48 นั่นเอง โอ้ววว รู้เลยว่าโปรเจคไม่ธรรมดาแน่นอน แต่จะว่าไปผมเองไม่ได้ติดตามวงการไอดอลเท่าไหร่ ก็เลยวานให้น้องๆ ที่ออฟฟิศช่วยหาตัวอย่างภาพรอไว้ก่อนเลยครับ แต่….
…ครับ หลังจากนั้นพี่ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ก็แจ้งว่า ภาพไม่ต้องวาดให้เห็นหน้าครับ ดังนั้นเรฟเฟอเร้นท์ ในส่วนของตัวละครก็เลยเหลือแค่นี้ครับ..
ซึ่งก็ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องใช้เท่าไหร่55..
และต่อมาทางพี่ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ก็ส่งภาพร่างมาให้ครับ ซึ่งก็มี 2 ภาพด้วยกันดังนี้
ภาพนี้ลงสีให้รู้สึกสว่างสดใสมีความหวังในการมีชีวิต
ภาพนี้ลงสีให้รู้สึกหม่นหมองไม่อยากมีชีวิตต่อไป
ซึ่งตอนที่ได้รับภาพร่างมาและได้ฟังโจทย์ทีแรก ก็ค
ซึ่งแนวทางในการวาดสเก็ตตัวอย่างสีช่วงแรกจากบรีฟโจทย์ และที่คิดๆ เอง ก็มีดังนี้คือ
ภาพในฝั่งที่มีความหวัง โทนสีจะสดใสๆ เหมือน Your Name ของ ชินไค มาโกโตะ สีก็เลยออกไปทางโทนม่วงๆ ฟ้าๆ ชมพูๆ แสงใสๆ วิ้งๆ
ส่วนฝั่งสิ้นหวัง ก็นึกถึงโทนตุ่นๆ แบบ จุนจิ อิโต้ กับงานพี่เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ผสมๆ กัน หม่นๆ ขุ่นๆ
ซึ่งผลก็คือ
.
.
.
.
ไม่ผ่านจ้าาาาาา !!
และจากนั้นก็มีการปรับแก้สเก็ตของทั้ง 2 รูปส่งไปใหม่อีกหลายๆ แบบ ดังนี้
และแล้วววว แบบสุดท้ายก็ผ่านครับ
ซึ่งเจ้าแบบสุดท้ายเนี่ย มันคือโครงสีที่นำมาจากภาพที่ผมเคยวาดเอง เป็นคู่สีที่ใช้ถนัดอยู่แล้ว (จากภาพด้านล่างเลย)
ทีนี้พี่เอกสิทธิ์ ก็เลยแนะนำว่า ให้ใช้สีแบบที่เราถนัดเลยน่าจะดีครับ เพราะไม่งั้นแล้ว ความที่เราต้องทำให้ภาพสองภาพที่อารมณ์ต่างกันสุดขั้วดูเป็นงานของคนวาดคนเดียวกันได้นั้น มันน่าจะไม่สำเร็จ ถ้าในหัวเรายังอิงตัวอย่างงานจากศิลปินอื่นๆ เต็มไปหมดเหมือนในช่วงแรกๆ ที่สเก็ตงาน
ภาพสองภาพที่อารมณ์ต่างกันสุดขั้วดูเป็นงานของคนวาดคนเดียวกันได้นั้น มันน่าจะไม่สำเร็จ ถ้าในหัวเรายังอิงตัวอย่างงานจากศิลปินอื่นๆ
โอ้วววว ทันใดนั้นเอง ทางสว่างก็บังเกิด
ผมจึงเริ่มแก้ภาพในฝั่งของความหวังโดยอิงจากโทนสีที่ถนัดเหมือนอีกภาพบ้าง โดยโทนสีจากงานเก่าก็น่าจะประมาณงานนี้ครับ
กลายมาเป็นแบบนี้
แล้วก็……..
ผ่านครับ !! แฮ่..
หลังจากนี้ก็ค่อยๆ ใช้เวลาเก็บดีเทลเพลินๆ กันไปครับผม
จนมาถึง
.
.
.
.
ช่วงส่งไฟนอล
ก็ได้ภาพสำหรับส่งไฟนอล 2 ภาพดังนี้ครับผม
ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมีการปรับแก้กันอยู่แล้ว
ซึ่งก็กลับกลายเป็นว่าในส่วนของภาพฝั่งความหวัง กลับแก้น้อยกว่ามากมาย
ซึ่งก็แก้แค่
เอาเมฆบางส่วนออกกับปรับสมดุลภาพนิดหน่อย แค่นั้นเอง เย้ !
เสร็จไป 1 รูป แฮ่…
ต่อไป มาที่รูปฝั่งสิ้นหวังไม่อยากมีชีวิตบ้าง
ที่เดิมทีผ่านก่อนแท้ๆ แต่กลับต้องเจอปรับแก้มากมายจนแทบสิ้นหวังตามภาพไปจริงๆ 55
แต่พอไปดูในโรงก็เข้าใจได้ครับ ว่าภาพนี้มันสำคัญกับหนังมากจริงๆๆๆๆ ครับ
สำคัญจนบางทียังรู้สึกอยากไปแก้อีกรอบเลยครับ555++
เอ้าลองมาดูกันครับ ว่ามีการลองแก้จุดไหนบ้างดีกว่า
อันนี้เป็นเวอร์ชั่น ลองลบสะพานออก และปรับตัวละครให้ดูบิดเบี้ยวขึ้น ซึ่งตรงตัวละครดูโอเคครับ เลยเก็บมาใช้ต่อไป
อันนี้เป็นเวอร์ชั่นหันหน้ากลับมาเล็กน้อย (อยากวาดหน้าบ้างไรบ้าง55) และสะพานผุพัง ให้ได้อารมณ์น่ากลัวอีกหน่อย
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด สะพานกลับมาปกติ ตัวละครหันหลังเหมือนเดิม.. แล้วก็ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าซี่ของสะพานลดความถี่ลงครับ !
และที่บอกว่ายังไม่ท้ายสุดก็คือ หลังจากนั้นจะเป็นการแก้ปรับลดควัน ทีละนิดๆ
ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมี น้องฝึกงาน TanaPon TongNoon โอตะ โอชิเฌอปราง เข้ามาช่วยพอดีครับ (ทำไมไม่มาฝึกเร็วกว่านี้55) ซึ่งการปรับลดควันก็จะประมาณนี้ครับ
รวมเป็นแบบ gif ไฟล์ให้ดูเล่นซะหน่อยครับ55 อาจดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไรมากแค่ลบๆ เอาก็ได้ แต่ผมเองเป็นพวกเพ้นท์เลเยอร์เดียวครับ(ปกติไม่ค่อยรับงานเท่าไหร่นั่นเอง..) ดังนั้นก็เลยเพ้นท์ทับกันไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่แก้ครับ หนุกหนานๆ แฮ่..
ก็ต้องขอขอบคุณพี
แล้วก็สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณ
เข้าไปโหลดภาพได้ที่ https://www.dropbox.com/
หวังว่าประสบการณ์การทำงานในครั้งนี้ จะพอเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านนะครับ
หวงัว่าถ้ามีโอกาสได้วาดงานใหม่ๆ จะนำมาแบ่งปันกันอีกนะครับผม
แล้วพบกันใหม่กับเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะ การ์ตูน และภาพยนตร์ ที่น่าสนใจบนเว็บไซต์ Plotter จ้า แฮ่..